การทำเว็บนั้น ก็เหมือนกับการสร้างบ้าน เพียงแต่สัดส่วนค่าใช้จ่ายอาจจะถูกกว่ากระนั้น แบบแผนในการทำงานที่ควรคำนึงก็คือ
1. บ้านทั้งหลาย มีการออกแบบก่อน แล้วจึงลงมือทำคนอยากมีเว็บ กลับไม่ค่อยอยากวางแผน คิดแต่ว่าเอาข้อมูลใส่ลงไป แล้วมันจะเป็นเว็บ เลยกลายเป็นว่า เค้าก็ทำไปเรื่อยๆ ทุบไปเรื่อยๆ รื้อท้ิง ทำใหม่ เปลี่ยนสี เปลี่ยนโฉม ทำ 2 ปีแล้วก็ยังไม่เสร็จ (ตัวอย่างนะ มีจริงหรือเปล่าไม่รู้ ) ย้ายห้องนี้ไปไว้ห้องนั้น เดี๋ยวก็วางห้องด้านหน้าเป็นห้องประชุม (Forum) แล้วก็เปลี่ยนใจ จะเอาร้านขายของมาตั้ง (Catalog) คิดไปอีกที อยากจะเอาป้ายประชาสัมพันธ์บ้านอื่นมาแปะเต็มหน้า (Link) จนคนไม่รู้ว่าบ้านใครหว่าเวลาทุบตึก เราอาจจะยอมรับได้ว่า มันมีค่าใช้จ่าย แต่พอรื้อเว็บ เรากลับรู้สึกว่า "เฮ้ย นิดเดียวน่า ช่วยหน่อยน่า" ซึ่งเมื่อไม่รู้ แน่นอนว่างานก็ย่อมไม่เสร็จโดยง่ายแต่ผมไม่ได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงนะ ตราบใดที่เราเห็นว่ามันตอบโจทย์ เช่น ขายของได้, ดึงดูดคนเข้ามาง่าย, แสดงสินค้าเด่นๆ ได้ดี ฯลฯ ก็ย่อมควรลงทุนเปลี่ยนเแปลงตามโอกาส เหมือนที่ลงทุนตกแต่งร้านกันได้เรื่อยๆ แต่หากการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นไปเพราะ "เห็นเว็บตัวเองแบบเดิมมา 1 เดือนแระ เบื่อ..." กระผมก็จะพยายามโน้มน้าวทันทีว่า "พี่เบื่อ คนอื่นเค้ายังไม่ทันเห็นเลยพี่"
2. บ้านทั้งหลาย มีพื้นฐานบางอย่างที่ "เค้าคิดมาดีแล้วว่าควรจะมี"ระหว่างชั้นต้องมีบันได, โต๊ะ เก้าอี้ ควรสูงเท่าไหร่, ห้องควรกว้างอย่างน้อยเท่าไหร่? ห้องน้ำควรอยู่ใกล้ลิฟท์ (จะได้เดินท่อได้ทีเดียว) ฯลฯ ซึ่งเรื่องพวกนี้ เราคุ้นชินจนไม่คิดว่าเป็นการ "ลอก"แต่เว็บเป็นเรื่องใหม่ คนทั่วไปอาจไม่คิดว่า "คิดมาแล้ว/Best Practice" มันไม่ใช่การลอก เลยพาลเห็นว่า พอทำอะไรก็จะไปคล้ายเว็บนู้นเว็บนี้ไปหมดเช่น ตำแหน่งโลโก้ในเว็บ ถามจริงๆ เถอะว่ามันจะวางได้กี่ที่เชียว, ตำแหน่งแถบเมนู หรือ Navigation มันก็มีที่ให้วางได้ไม่กี่ที่, ระยะระหว่างคอลัมภ์หรือกรอบ ก็ควรเท่าๆ กัน (ผมเพิ่งมาพบว่า 20px เป็นระยะที่กำลังงาม ซึ่งก็ใช้ใน 960.gs ด้วยน้า), Dropdown Menu มันก็มีเหมือนกันมหาศาล ฯลฯซึ่งเมื่อเปลี่ยนจุดสนใจไปที่เนื้อหาแทน เว็บที่องค์ประกอบอะไรคล้ายๆ กัน ก็อาจกลายเป็นคนละเรื่องกันเลย(ตัวอย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่าขำดีก็คือ รถราคา 7 แสน กับราคา 7 ล้านนั้น อาจจะเหมือนกันมากกว่าเว็บ 2 เว็บที่ใช้ธีมเดียวกันเสียอีก)
3. บ้านทั้งหลาย มีแผนผังที่ชัดเจน รู้เรื่องห้องแต่ละห้อง เปิดดูก็รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร เผลอๆ ไม่ต้องเปิดประตู ยังรู้ว่าห้องอะไร!แต่พอทำเว็บ เรากลับอยากให้ทุกอย่างอยู่ร่วมกัน อยากจะให้แผนผังเว็บเราไม่เหมือนใครในโลก มี Navigation สุดคูล สุดประหลาด และไปไม่ถูก, มี link ของทุกอย่าง อยู่ในทุกหน้า, มีป้ายโฆษณาเยอะจนไม่รู้ว่าหน้านั้นเอาไว้ทำอะไรซึ่งหากมันมีอยู่ไม่กี่เว็บในโลก คนก็อาจจะเดินดูเล่น จินตนาการเพลินๆ ได้ (ว่าหน้านี้เอาไว้ทำอะไรหว่า?) แต่เมื่อเว็บมันมีมหาศาล เมื่อเค้าหาของไม่เจอ เค้าก็ไม่อยู่ต่อแล้ว
4. ผู้รับเหมาทุกคน แย่หมดน้อยมากที่จะเห็นคนทำบ้าน (โดยเฉพาะครั้งแรก) ชื่นชมผู้รับเหมา เพราะ "คนทั่วไปนั้นไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร" พอเห็นพื้นสีนี้สวย ก็เลือกมาใส่ เห็นวอลเปเปอร์อันนี้คูล ก็เอามาต่อ กลายเป็นมั่ว แต่ถ้าอยากจะจ้างสถาปนิกมาออกแบบ ก็เห็นว่าเรื่องง่ายๆ ตนเองก็ทำได้ ก็เลยทำให้การทำงานนั้นบานปลายเสมอ (แย่กว่านั้นคือ ถึงมีสถาปนิกออกแบบ ก็ยังไม่ชอบอยู่ดี ขอเปลี่ยนก๊าบ)และผู้รับเหมาที่ไม่เจ๊งไปก่อนนั้น เมื่อเจอลูกค้าเปลี่ยน Requirement บ่อย ก็ต้องชิ่งไวเสมอซึ่งก็เหมือนกับการจ้างคนทำเว็บ เมื่อผู้ว่าจ้างไม่รู้ว่ามันควรจะออกมาหน้าตาอย่างไร (และยิ่งถ้าคิดว่า ทำอะไรก็ลอก! ยิ่งไม่รู้จะออกมายังไง) ก็ทำให้ Requirement เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และผลสุดท้าย ก็ ไม่มีใครทำเว็บได้ดั่งใจเลยคนทำเว็บทุกคน ก็เลยแย่หมดแต่ยังมีสิ่งที่แย่กว่า นั่นก็คือ คนจ้างทำเว็บ ไม่รู้ว่ามันมี "ผู้รับเหมาทำเว็บ" กับ "สถาปนิกทำเว็บ" และ "ผู้รับเหมาทำเว็บ" ทุกคนดันนึกว่าตนเองเป็น "สถาปนิกทำเว็บ"เพราะอย่างที่คุณประชา สุวีรานนท์ เคยกล่าวว่า วงการออกแบบนั้น เป็นพื้นที่ทับซ้อนของมือสมัครเล่นและมืออาชีพ เลยไม่รู้ว่าใครฝีมือขนาดไหนผู้ว่าจ้างก็ไม่รู้เรื่อง คนทำก็ไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็มีแต่รื้อใหม่ ทำใหม่กันไปเรื่อยๆ
5. บ้านสำเร็จรูป ย่อมถูกกว่าบ้านที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ (แต่ขายดีนะ!)เมื่อเห็นว่าการทำเว็บเหมือนสร้างบ้าน เราก็จะเริ่มเห็นแนวโน้มของ "บ้านสำเร็จรูป" / "เว็บสำเร็จรูป/CMS/Theme" กันมากขึ้น นั่นคือ การทำเว็บที่เร็ว ราคาถูก โดยแลกเปลี่ยนกับ "ความคล้ายๆ กัน" ของงานออกแบบซึ่งก็คล้ายกับเสื้อผ้าสำเร็จรูป หรือสินค้าตามสั่งอื่นๆ คือ มันจะพัฒนาไปสุดทาง 2 แบบ ถ้าหากไม่สำเร็จรูปไปเลย (ง่าย, เร็ว, ถูก ฯลฯ) ก็ต้องมีเอกลักษณ์ไปเลย (เจาะจง, สวยงาม, สะท้อนตัวตนคนใส่, สะท้อนตัวตนคนออกแบบ ฯลฯ) ใครก็ตามที่อยู่กลางๆ ก็ย่อมอยู่ลำบากในอนาคต6. บ้านยังต้องอยู่ เว็บยังต้องเปิดคนซื้อบ้านต่างก็รู้ว่า เมื่อทำบ้านเสร็จ เค้าจะต้องดูแล ตัดหญ้า, เช็คจดหมาย, เปลี่ยนผ้าม่าน, หรืออาจต้องต่อเติมบางอย่าง เมื่อมีการใช้งานมากขึ้นแต่คนทำเว็บ เมื่อเว็บเปิดแล้ว กลับไม่มีการดูแล อัพเดทข้อมูล เพิ่มเติมเนื้อหาต่างๆ ปล่อยให้เว็บที่อุตส่าห์สร้างกันมาเนิ่นนาน ทิ้งไว้จนไม่มีคนเข้าแล้วท้ายที่สุด ก็ค่อยคิดว่า"ทำเว็บใหม่ก่าาาาาา"
กลับไปหน้าแรก
กลับสู่gigclub